อะไรคือ Visual Effect
คำว่า Visual Effect แปลให้เข้าใจได้ว่า "การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ" ซึ่งมีการแบ่งรูปแบบการสร้างงานไว้หลายลักษณะ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย เงินทุน และการตอบสนองทางศิลปะ กล่าวคือ การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ มีเจตนาเพื่อนำภาพที่สร้างไปผสมรวมกับ ภาพที่ถ่ายทำจริง(Live Action) เพื่อความปลอดภัยกับนักแสดง เช่นการถ่ายบนคียย์สกรีน เพื่อแยกนักแสดงกับฉากระเบิดของรถ แล้วนำมาผสมภาพกันภายหลัง หรือเพื่อ การประหยัดต้นทุน เช่นการถ่ายฉากย่อส่วนของเมืองที่ปรักหักพัง แล้วนำมาฉายภาพด้านหลังตัวแสดง(Rear Projection) เพื่อให้เกิดภาพว่านักแสดงยืนอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่ล่มสลาย เป็นต้น
จะ เห็นได้ว่า การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างCGI (Computer Generated Images) เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าวิธีใดๆ ที่สามารถสร้างภาพพิเศษดังกล่าวก็ล้วนเรียกว่าการสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ หรือVisualEffect ทั้งสิ้น
เราสามารถแบ่งแยกย่อยเรื่องโครงสร้างงานVFXได้หลายแบบ
1 การสร้างฉากย่อส่วน (miniature) แบบจำลอง(Model) หุ่นควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(Animatronic) หุ่นเชิด (puppets) เป็นการถ่ายทำจากวัตถุจริงที่มีขนาด เล็กกว่า หรืออาจเท่าจริง เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหว ใช้สำหรับประกอบการสร้างเทคนิคพิเศษ เช่นการถ่ายสตอปโมชั่นของสัตว์ประหลาดที่กำลังต่อสู้กับพระเอก เป็นต้น
2 การวาดต่อเติมฉาก (Matt Painting) งานลักษณะนี้จะไม่ใช่การสร้างภาพขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการวาดภาพเพิ่มเติมจากของเดิม เช่น เราถ่ายตึกที่เซทอัพมา สูงแค่ชั้นเดียวแต่ต้องการสูงสิบชั้น ศิลปินจึงต้องวาดภาพต่อในอี9ชั้นที่เหลือ ไม่ว่าจะวาดจากคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมหรือเทคนิคใดๆ หรือการวาดสดลงบนกระจกใสแล้วใช่กล้องถ่ายผ่านไป ก็ถือว่าเป็นการทำ Matt Painting ทั้งสิ้น
3 การถ่ายแยกองค์ประกอบ (Keying) หมายรวมถึงการถ่ายด้วยKeyscreen หรือการฉายภาพด้านหลัง และด้านหน้า (Rear/Front Projection) โดยหลักการคือการแยกส่วนฉาก หรือวัตถุใดๆ ออกจากองค์ประกอบอื่น และนำมาผสมภายหลัง เพื่อผลพิเศษทางภาพ
4การใช้ เทคนิคพิเศษของกล้อง เช่นการใช้เลนส์ในการหลอกระยะ/ขนาด ของวัตถุ เช่นการถ่ายคนยักษ์ โดยให้คนที่ต้องการให้ตัวใหญ่อยู่ไกล้กล้องมากกว่า ส่วนคนที่ต้องการให้ตัวเล็กก็อยู่ไกลออกไป หรือการถ่ายภาพตอนกลางวันให้เป็นกลางคืน(Day For Night)โดยใช้การลดรูรับแสงและใส่ฟิลล์เตอร์ช่วย หรืการถ่ายภาพต่างสปีด (Under/Over Cranking)เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เร็วหรือช้าลง เป็นต้น
5การ สร้างภาพด้วยระบบดิจิทัล (Digital Effect) ซึ่งหมายรวมทั้ง Animation และ CGI ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน
การสร้าง เทคนิคพิเศษทางภาพ นั้นมีประวิตที่ยาวนานตั้งแต่มนุษย์เราเริ่มรู้จักภาพยนตร์ เราก็พยายามที่จะสร้างภาพมายาให้สมจริงที่สุด เทคโนโลยีที่เติบโตทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เติบโตอย่างรวดเร็ว จะหลายคนหลงไหลกับเทคโนโลยีมากจนลืมวิญญาณของงานสร้างไป สตีเฟ่น สปีลเบิร์ก เคยพูดในเบื้องหลังภาพยนตร์จูลลาสสิคพาร์คว่า "ทุกอย่างมีวิธีที่ง่ายที่สุดเสมอ และเขาจะใช้วิธีที่ง่ายก่อน" นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้หุ่นจำลองของไดโนเสาร์ในฉากโคลสอัพ ทั้งที่CGI ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แต่นั่นมันทำให้เขาได้ภาพในทันที และแน่นอนว่ามันช่วยสร้างอารมณ์ให้กับนักแสดงได้มากกว่า คนสวมชุดสีเขียว
ใน เรื่อง Terminator ฉากที่อาโนลฯ ขี่มอเตอร์ไซค์ชอบเปอร์อยู่หน้ารถสิบล้อที่ไล่หลังมา และเขาใช้มือข้างหนึ่งคว้าพระเอกมาซ้อนหลัง ฉากนั้นเสี่ยงเกินกว่าจะถ่ายจริงๆได้ เจมส์ คาเมรอนจึงถ่ายรถสิบล้อมาเปล่าๆ แล้วนำมาฉายภาพด้านหลังในสตูดิโอโดยมีนักแสดงทำท่าขี่มอเตอร์ไซค์อยู่หน้า ฉากหนัง
ในเรื่อง matrix ฉากที่นีโอ นั่งในรถแล้วมองวิวเมืองที่เคลื่อนผ่านไป ก็เป็น การฉายภาพด้านหลัง
ใน เรื่องLord Of the Ring เมืองของเอลฟ ที่โฟรโดยืนมอง เป็นฉากย่อส่วน ที่ถ่ายไว้แพื่อนำมาผสมภาพกับนักแสดงที่ถ่ายบน กรีนสกรีน (และน้ำตกที่เห็นอยู่ในฉากคือ น้ำตาลทรายที่ภูกเทลงมา)
ในเรื่องAi บริษัทILM สร้างโมเดลเมืองนิวยอร์คจมน้ำแบบย่อส่วนเพื่อถ่ายฉากนี้ ก่อนปรับแต่งและเสริมให้สมจริงด้วยCGI
จะ เห็นได้ว่าโลกของวิชวลเอฟเฟค ไม่ได้กระจุกตัวอยู่กับการทำCGIเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานเทคนิคต่างๆให้ออกมาเป็นภาพมายาที่น่าทึ่งในที่สุด การศึกษางานวิชวลเอฟเฟค จึงจำเป็นต้องรู้มากกว่าการใช้โปรแกรมคมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องรู้จักประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆอย่างเมาะสมและลงตัว
เครดิต เขียนโดย Bumblebee Visual
คำว่า Visual Effect แปลให้เข้าใจได้ว่า "การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ" ซึ่งมีการแบ่งรูปแบบการสร้างงานไว้หลายลักษณะ ด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย เงินทุน และการตอบสนองทางศิลปะ กล่าวคือ การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ มีเจตนาเพื่อนำภาพที่สร้างไปผสมรวมกับ ภาพที่ถ่ายทำจริง(Live Action) เพื่อความปลอดภัยกับนักแสดง เช่นการถ่ายบนคียย์สกรีน เพื่อแยกนักแสดงกับฉากระเบิดของรถ แล้วนำมาผสมภาพกันภายหลัง หรือเพื่อ การประหยัดต้นทุน เช่นการถ่ายฉากย่อส่วนของเมืองที่ปรักหักพัง แล้วนำมาฉายภาพด้านหลังตัวแสดง(Rear Projection) เพื่อให้เกิดภาพว่านักแสดงยืนอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่ล่มสลาย เป็นต้น
จะ เห็นได้ว่า การสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ นั้น ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างCGI (Computer Generated Images) เพียงอย่างเดียว ไม่ว่าวิธีใดๆ ที่สามารถสร้างภาพพิเศษดังกล่าวก็ล้วนเรียกว่าการสร้างเทคนิคพิเศษทางภาพ หรือVisualEffect ทั้งสิ้น
เราสามารถแบ่งแยกย่อยเรื่องโครงสร้างงานVFXได้หลายแบบ
1 การสร้างฉากย่อส่วน (miniature) แบบจำลอง(Model) หุ่นควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์(Animatronic) หุ่นเชิด (puppets) เป็นการถ่ายทำจากวัตถุจริงที่มีขนาด เล็กกว่า หรืออาจเท่าจริง เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหว ใช้สำหรับประกอบการสร้างเทคนิคพิเศษ เช่นการถ่ายสตอปโมชั่นของสัตว์ประหลาดที่กำลังต่อสู้กับพระเอก เป็นต้น
2 การวาดต่อเติมฉาก (Matt Painting) งานลักษณะนี้จะไม่ใช่การสร้างภาพขึ้นใหม่ทั้งหมด แต่เป็นการวาดภาพเพิ่มเติมจากของเดิม เช่น เราถ่ายตึกที่เซทอัพมา สูงแค่ชั้นเดียวแต่ต้องการสูงสิบชั้น ศิลปินจึงต้องวาดภาพต่อในอี9ชั้นที่เหลือ ไม่ว่าจะวาดจากคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมหรือเทคนิคใดๆ หรือการวาดสดลงบนกระจกใสแล้วใช่กล้องถ่ายผ่านไป ก็ถือว่าเป็นการทำ Matt Painting ทั้งสิ้น
3 การถ่ายแยกองค์ประกอบ (Keying) หมายรวมถึงการถ่ายด้วยKeyscreen หรือการฉายภาพด้านหลัง และด้านหน้า (Rear/Front Projection) โดยหลักการคือการแยกส่วนฉาก หรือวัตถุใดๆ ออกจากองค์ประกอบอื่น และนำมาผสมภายหลัง เพื่อผลพิเศษทางภาพ
4การใช้ เทคนิคพิเศษของกล้อง เช่นการใช้เลนส์ในการหลอกระยะ/ขนาด ของวัตถุ เช่นการถ่ายคนยักษ์ โดยให้คนที่ต้องการให้ตัวใหญ่อยู่ไกล้กล้องมากกว่า ส่วนคนที่ต้องการให้ตัวเล็กก็อยู่ไกลออกไป หรือการถ่ายภาพตอนกลางวันให้เป็นกลางคืน(Day For Night)โดยใช้การลดรูรับแสงและใส่ฟิลล์เตอร์ช่วย หรืการถ่ายภาพต่างสปีด (Under/Over Cranking)เพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เร็วหรือช้าลง เป็นต้น
5การ สร้างภาพด้วยระบบดิจิทัล (Digital Effect) ซึ่งหมายรวมทั้ง Animation และ CGI ที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในปัจจุบัน
การสร้าง เทคนิคพิเศษทางภาพ นั้นมีประวิตที่ยาวนานตั้งแต่มนุษย์เราเริ่มรู้จักภาพยนตร์ เราก็พยายามที่จะสร้างภาพมายาให้สมจริงที่สุด เทคโนโลยีที่เติบโตทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เติบโตอย่างรวดเร็ว จะหลายคนหลงไหลกับเทคโนโลยีมากจนลืมวิญญาณของงานสร้างไป สตีเฟ่น สปีลเบิร์ก เคยพูดในเบื้องหลังภาพยนตร์จูลลาสสิคพาร์คว่า "ทุกอย่างมีวิธีที่ง่ายที่สุดเสมอ และเขาจะใช้วิธีที่ง่ายก่อน" นั่นคือเหตุผลที่เขาใช้หุ่นจำลองของไดโนเสาร์ในฉากโคลสอัพ ทั้งที่CGI ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แต่นั่นมันทำให้เขาได้ภาพในทันที และแน่นอนว่ามันช่วยสร้างอารมณ์ให้กับนักแสดงได้มากกว่า คนสวมชุดสีเขียว
ใน เรื่อง Terminator ฉากที่อาโนลฯ ขี่มอเตอร์ไซค์ชอบเปอร์อยู่หน้ารถสิบล้อที่ไล่หลังมา และเขาใช้มือข้างหนึ่งคว้าพระเอกมาซ้อนหลัง ฉากนั้นเสี่ยงเกินกว่าจะถ่ายจริงๆได้ เจมส์ คาเมรอนจึงถ่ายรถสิบล้อมาเปล่าๆ แล้วนำมาฉายภาพด้านหลังในสตูดิโอโดยมีนักแสดงทำท่าขี่มอเตอร์ไซค์อยู่หน้า ฉากหนัง
ในเรื่อง matrix ฉากที่นีโอ นั่งในรถแล้วมองวิวเมืองที่เคลื่อนผ่านไป ก็เป็น การฉายภาพด้านหลัง
ใน เรื่องLord Of the Ring เมืองของเอลฟ ที่โฟรโดยืนมอง เป็นฉากย่อส่วน ที่ถ่ายไว้แพื่อนำมาผสมภาพกับนักแสดงที่ถ่ายบน กรีนสกรีน (และน้ำตกที่เห็นอยู่ในฉากคือ น้ำตาลทรายที่ภูกเทลงมา)
ในเรื่องAi บริษัทILM สร้างโมเดลเมืองนิวยอร์คจมน้ำแบบย่อส่วนเพื่อถ่ายฉากนี้ ก่อนปรับแต่งและเสริมให้สมจริงด้วยCGI
จะ เห็นได้ว่าโลกของวิชวลเอฟเฟค ไม่ได้กระจุกตัวอยู่กับการทำCGIเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานเทคนิคต่างๆให้ออกมาเป็นภาพมายาที่น่าทึ่งในที่สุด การศึกษางานวิชวลเอฟเฟค จึงจำเป็นต้องรู้มากกว่าการใช้โปรแกรมคมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องรู้จักประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆอย่างเมาะสมและลงตัว
Categories:
Tutorial